วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2554

ความสับสนทางพื้นที่ และจิตใจคน

ขออภัยที่ต้องลบข้อมูลบางส่วนในบทความนี้ เนื่องจากได้มีการนำเอาข้อมูลที่ทำขึ้นมาไปโจมตีกันเองในบล็อคหรือเวบไซต์ ซึ่งไม่ใช่เจตนาของบทความนี้อย่างแน่นอน

ขอบอกอีกครั้งว่าแผนที่ในบทความนี้ทำขึ้นเพื่อให้เห็นความสับสนในทางพื้นที่ ที่จำเป็นต้องดำเนินการให้ถูกต้อง ไม่ใช่แผนที่ที่ถูกต้อง 100 เปอร์เซนต์ซึ่งต้องผ่านกระบวนการดำเนินการอย่างละเอียดเป็นขึ้นเป็นตอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องลงพื้นที่และต้องใช้เครื่องมือที่ละเอียด รวมไปถึงใช้พื้นหลักฐานที่เป็นฐานเพียงพื้นเดียว ถ้าใช้จากพื้นหลักฐานหนึ่งเป็นอีกพื้นหนึ่งต้องมีการแปลงข้อมูลให้อยู่บนฐานเดียวกันให้เรียบร้อยก่อน

ผมตั้งใจให้ทุกฝ่ายดำเนินการไปด้วยความถูกต้อง มันมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้จากการคำนวณพื้นหลักฐาน แต่ความเป็นจริงมีอยู่จริงในพื้นที่แล้ว บทความนี้ผมออกจะบ่นๆ ในใจด้วยซ้ำว่ากรมแผนที่ทหารน่าจะเป็นเจ้าภาพเดินสำรวจจริง ใช้แผนที่ปัจจุบัน ระบบพิกัดปัจจุบัน ใช้เครื่องมือระบุพิกัดที่ทันสมัย จึงถูกต้อง และเผยแพร่ข้อมูลจริงออกมาให้ชาวบ้าน ชาวไทย+กัมพูชา ได้ทราบกันเสียที.. มันเป็นเรื่องร้อนและส่งผลในระยะยาว.... ถ้าต้องรอคณะกรรมการเขตแดน คงต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะพิสูจน์ทราบ... แล้วถ้าถึงวันนั้นพิสูจน์แล้วคนไทยทั้ง 7 เข้าเขตไปจริงก็คงไม่เท่าไร... แต่ถ้าไม่ได้พลัดหลงเข้าไปในเขตกัมพูชาจริง แล้วการตัดสินเป็นอย่างนี้... ท่านๆ จะบอกกับสังคมได้อย่างไร.. จะดีมั้ยถ้าทางเราจะขอพิสูจน์ความจริงขั้นต้นโดยเร็วด้วยหลักฐานต่างๆ ทางแผนที่ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ มนุษยธรรม(การเป็นค่ายผู้อพยพ) เพื่อนำเอาความจริงออกมา...


การใช้แผนที่เป็นเรื่องที่ต้องระวัง... เรามักจะเชื่อสิ่งที่ปรากฏบนแผนที่ว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ กรณีโนนหมากมุ่นสอนวิชาแผนที่ให้เราหลายบทเรียน ทำให้เข้าใจความสำคัญของแผนที่ในแง่มุมต่างๆ อีกด้วย

ข้อมูลแผนที่มีการเปลี่ยนแปลงจากระบบอ้างอิงเดิมมาเป็นระบบใหม่ มีความละเอียดอ่อน เวลาใช้งานไม่สมควรใช้ระบบพิกัดอย่างผสมปนเป ควรยึดพื้นหลักฐานสักอันหนึ่งไว้ แล้วใช้เทคโนโลยีปรับแปลงค่าให้มันถูกต้องตามพื้นหลักฐานดังกล่าว

และที่สำคัญกว่านั้น..ในทางภูมิศาสตร์ มีความจำเป็นมากที่จะต้องลงพื้นที่ไปเห็นของจริง เพราะแม้ว่าแผนที่สามารถคลาดเคลื่อนได้จากการคำนวณและพื้นหลักฐาน แต่ความเป็นจริงยังคงมีอยู่เสมอ.... จะเขตไทยหรือเขมรพิสูจน์ให้ชัดทั้งในแง่ภูมิศาสตร์ ประวัิติศาสตร์ นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ เพื่อความกระจ่างชัด อย่าใช้วิธีปล่อยปละละเลยใช้ข้ออ้างใดๆ ที่จะไม่ได้รับการพิสูจน์

เราเข้าสู่ยุคต่อเนื่องจาก information age ที่เรียกว่า conceptual age เป็นยุคที่ต้องการแนวความคิด และปัญญาในการกรองข้อมูลที่ทะลักทะล้นมามหาศาล ข้อมูลหลากหลายจนยากที่จะตีความว่าจริงหรือเท็จ การทำสิ่งใดให้กระจ่างเป็นการเริ่มต้นเตรียมคนเข้าสู่ยุคนี้ที่เหมาะสม...

1 ความคิดเห็น:

  1. ผู้ที่นำไปอ้างอิงกรุณา อ่านเจตนาของบทความด้วยนะครับ ตอนท้ายที่บอกว่าจะต้องดำเนินการให้เหมาะสม รัดกุม และเปิดเผยข้อมูลออกมาให้ชัดเจน

    กรุณาอย่าเอาไปอ้างอิง โดยใช้เป็นเครื่องมือโจมตีใครๆ ครับ ชาติเราต้องการความสามัคคีมากกว่านี้เพื่อผ่านพ้นวิกฤต ไม่ใช่ใครเสนออะไรออกมาก็ต้องเอาประโยชน์ในทางที่ตัวเองเข้าใจ...

    ตอบลบ